วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

น้องเมี๊ยวท้องเสียควรทำยังไงดี!?


น้องเมี๊ยวท้องเสียควรทำยังไงดี!?




จากการที่แมวเราเป็น ได้รักษาเบื้องต้นดังนี้ 
1.เอาน้ำผึ้งให้แมวกินบ่อยๆ 
2.ให้น้องแมวกินน้ำที่สะอาดบ่อย
เราใช้แค่ 2 วิธีนี้ก็ดีขึ้น และหายเป็นปกติ ตอนที่เจ้าเมี๊ยวของเราท้องเสียอายุได้ประมาณ 2 เดือน และเกิดจากการเปลี่ยนอาหารค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเรื่องท้องเสีย
น้องแมวท้องเสีย เป็นอาการหนึ่งที่พบได้บ่อย ทั้งในแมวเด็กและแมวโต ยิ่งถ้าเกิดพบอาการท้องเสียในแมวเด็กนั้น อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต เจ้าของควรจะดูแลอย่างใกล้ชิด และถูกต้อง วันนี้เราจะมา แนะนำ วิธีการดูแล สังเกตุ และ รักษา กันนะค่ะ
[highlight]อาการที่แสดงว่า น้องแมวท้องเสีย[/highlight]
  • ถ่ายเหลว อาจจะเป็นมูก หรือน้ำ (เจ้าของควรจะจดจำ สี ลักษณะ เพื่อนำไปปรึกษาสัตว์แพทย์)
  • เบื่ออาหาร
  • มีไข้
  • ซึม ไม่ร่าเริง
  • อาเจียน
[highlight]สาเหตุที่ทำให้แมวท้องเสีย[/highlight]
  • เปลี่ยนที่อยู่ เช่น ย้ายบ้านใหม่ หรือไปเที่ยวต่างจังหวัด
  • เปลี่ยนอาหารกระทันหัน
  • เกิดความเครียด เช่นสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป หรือมีแมวตัวอื่นเข้ามาเพิ่มเติม
  • ได้รับเชื้อจากสภาพแวดล้อม หลักๆก็จะมีเช่น ห้องน้ำ ต้นไม้ น้ำ อาหา
[highlight]ต้องทำอย่างไร เมื่อแมวท้องเสีย[/highlight]
ก่อนอื่นต้องดูก่อนว่า เป็นแมวเด็กหรือว่าแมวโต เนื่องจากถ้าเป็นแมวเด็กก็จะมีความเสี่ยงสูงมากในการเสียชีวิต ถ้ามีอาการถ่ายเหลว และ อาเียน ต้องรีบพาพบสัตว์แพทย์ทันที ถ้าไม่ใช่ สามารถปฏิบัติตามนี้ได้ค่ะ
1. แยกน้องแมว ออกจากตัวอื่นๆ
2. อาหาร 24 ชั่วโมง ไม่ต้องกลัวว่าน้องแมวจะหิวเขาไม่เป็นอะไรค่ะ ให้พยายามป้อนน้ำทีละนิด บ่อยๆ เพื่อรักษาน้ำในร่างกาย (อย่าลืมดูแลน้ำให้สะอาดด้วยนะค่ะ)
3. เปลี่ยนทรายในกะบะเป็นของใหม่ เนื่องจากอาจจะมีเชื้อโรคปะปนอยู่ อาจจะทำให้ได้รับเชื้อเพิ่ม หรือตัวอื่นอาจจะได้รับเชื้อได้
4. ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ เพื่อฆ่าเชื้อโรค
5. ให้น้ำเกลือเพิ่มเติม โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านสัตว์แพทย์ทั่วไป ถ้าไม่มีสามารถใช้น้ำผสมน้ำหวาน ในปริมาณแค่พอหวานลองชิมดูก็ได้ค่ะ (เฮลบลูบอย) โดยค่อยๆป้อนทีนิดทีละหน่อย
6. ถ้าครบ 48 ชั่วโมงแล้วน้องแมวยังมีอาการท้องเสีย ให้พาพบสัตว์แพทย์ เนื่องจากอาการเริ่มไม่ปกติ
[highlight]อาการท้องเสียที่ควรจะนำพบสัตว์แพทย์ทันที[/highlight]
ถ่ายเหลวหลายครั้งติดต่อกัน และมีอาเจียนร่วมด้วย
แมวเด็ก ที่ถ่ายเหลวเกิน 12 ชั่วโมง
น้องแมวไม่ยอมเดิน หรือขยับตัวเลย (อาจจะมีอาการปวดท้อง)
ถ่ายเป็นเลือดหรือมีมูกผสม ลักษณะแปลกออกไป
น้องแมวหายใจแรง มีอาการเดินเซ ไม่มีแรง
[ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.welikecat.com/cat-diarrhea.html]
[ขอบคุณรูปน่ารักจากเว็บ http://www.dodeden.com/2013/wp-content/uploads/2015/02/855921-img-1424618006-3.jpg]





วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ออกกำลังกายสไตล์เด็กหอ

ออกกำลังกายสไตล์เด็กหอ




เด็กหออย่างเราอาจจะไม่ได้ไปมีเวลาวิ่ง หรือไม่มีที่วิ่ง เราจริงแชร์ประสบการณ์ลดพุง

- เริ่มจาก เดินสักประมาณ ครึ่งชั่วโมง
- ตอนกลางคืนก่อนนอน  หรือเวลาที่ว่าง เริ่มออกกำลังกายตามคลิปนี้เลย



และตามด้วย



ทั้งนี้เราจะลดพุงได้หรือไม่ ต้องมีวินัย ละทำอย่างสม่ำเสมอ เพียงทำก่อนนอนแค่ ไม่ถึง 20 นาทีเพื่อนๆ ก็อาจจะลดพุงได้ :)

ขอบคุณรูปภาพจาก [www.yesijoin.com ]


วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

วิธีการเลี้ยงกระต่ายสำหรับมือใหม่

เตรียมความพร้อมสำหรับเลี้ยงน้องกระต่าย



             ก่อนอื่นต้องดูความพร้อมของผู้เลี้ยงก่อนว่า ชอบกระต่ายจริงรึเปล่า มีความพร้อมที่จะดูแลกระต่ายหรือไม่ มีเวลาเพียงพอที่จะดูแลเค้าหรือเปล่า เพราะอย่างน้อยๆเราต้องมีเวลาให้อาหารทำความสะอาดและเล่นกับเขาบ้าง ถ้าเกิดพิจารณาแล้วว่าเราชอบและพร้อมที่จะเลี้ยงกระต่าย ก็ควรศึกษาในเรื่องของวิธีการเลี้ยงดู รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ของกระต่ายเอาไว้บ้าง เวลาเกิดอะไรขึ้นจะได้แก้ไขปัญหาต่างๆได้
             การเลือกซื้อกระต่าย ควรเลือกซื้อกระต่ายที่มีอายุเกิน 40 วันขึ้นไป เพื่อให้สามารถกินอาหารเม็ดเป็นแล้วค่ะ กระต่ายที่จะเลือกซื้อควรจะแลดูมีสุขภาพแข็งแรงดี สดใส ไม่เซื่องซึม ไม่มีอาการเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บ ลักษณะตัวสะอาดไม่เป็นโรคผิวหนัง ไม่ผอมจนเกินไปค่ะ
             สภาพอากาศที่เหมาะสม โดยปรกติกระต่ายชอบอากาศค่อนข้างเย็นและอากาศต้องถ่ายเทได้ดี ผู้เลี้ยงควรจัดพื้นที่เลี้ยงให้เหมาะสมกับกระต่ายแต่ละสายพันธ์ด้วยนะคะ บ้านเราเป็นเมืองร้อน หากกระต่ายที่เลี้ยงเป็นกระต่ายที่มีต้นกำเนิดจากเมืองหนาวยิ่งต้องระวังเรื่องอากาศเป็นพิเศษค่ะ อย่าไว้ในที่ร้อนๆอับๆ กระต่ายจะเกิดอาการ Heat Stroke ได้ค่ะ
พื้นที่ กระต่ายไม่ได้ต้องการพื้นที่เยอะมากมายนัก เพียงแต่พื้นที่เลี้ยงดูจะต้องมีความเหมาะสมกับตัวกระต่ายของแต่ละสายพันธ์ และอย่าให้แออัดจนเกินไป จะเลี้ยงในกรง หรือจะกันพื้นที่สำหรับกระต่ายไปเลยก็ได้ หากเลี้ยงในกรงก็พาเขาออกมาวิ่งเล่นบ้างจะได้เป็นการออกกำลังไปในตัวค่ะ อย่าเลี้ยงหรือให้วิ่งเล่นบนพื้นลื่นๆ นะคะเพราะจะทำให้กระต่ายขาเสียได้ง่ายค่ะ และก็ไม่ควรเลี้ยงบนที่ชื้นๆจะทำให้เกิดเชื้อราได้ค่ะ
          กรง กรงที่เลือกใช้ก็ดูตามความเหมาะสมนะคะ หลักๆก็คือ ให้เลือกกรงที่ดูแลทำความสะอาดได้ง่าย และวัสดุไม่เป็นอันตรายกับกระต่ายค่ะ กระต่ายเป็นสัตว์นักแทะ ไม่ควรเลือกกรงที่เป็นพลาสติกหรือวัสดุหุ้มพลาสติกค่ะ เพราะเขาจะกัดแทนจนอาจจะเป็นอันตรายได้ค่ะ
          อาหาร อาหารกระต่ายแบ่งออกเป็น อาหารเม็ด อาหารไฟเบอร์ และผักสดนะคะ การให้อาหารกระต่ายควรให้ในปริมาณที่เขาสามารถทานหมดในมื้อเดียวไม่เหลือทิ้งค้างคืน เพราะอาจจะเกิดเชื้อรา ทำให้ท้องอืดได้ค่ะ สัดส่วนในการให้อาหาร ควรให้
          อาหารเม็ด อาหารเม็ดสำหรับกระต่ายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกระต่ายนะคะ เพราะในอาหารเม็ดจะมีสารอาหารต่างๆที่กระต่ายต้องการครบถ้วนอยู่แล้ว ทั้งนี้เราก็ควรดูโภชนาการของอาหารเม็ดนั้นๆด้วย  ควรเลือกแบบที่มีโปรตีนและกากใยสูง แต่ไขมันต่ำๆนะคะ ควรให้ในปริมาณที่พอเหมาะดูจากขนาดตัวเอานะคะไม่ควรให้เยอะเกินไปเพราะอาจจะทำให้กระต่ายอ้วนได้ง่ายค่ะ กระต่ายอ้วนมากๆไม่ดีนะคะ สุขภาพไม่แข็งแรงและเป็นโรคง่ายค่ะ อาหารเม็ดไม่ควรชื้น ขึ้นรา หรือหมดอายุนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของกระต่ายค่ะ
          หญ้า หญ้า ฟาง ทั้งสดและแห้งล้วนเป็นกากใยที่ย่อยสลายไม่ได้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ระบบทางเดินอาหารของกระต่ายทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ หญ้าที่ให้กระต่ายกินมีหลายชนิดด้วยกันค่ะ เช่น หญ้าออร์ชาร์ด หญ้าทิโมธี และแพงโกล่าค่ะ ทั้งนี้เราควรเลือกให้หญ้าที่สะอาดค่ะ เช่นหญ้าแห้งผ่านระบบการฆ่าเชื้อสามารถหาซื้อได้ง่ายตามเพ็ทช็อปค่ะ หากจะให้หญ้าสดก็ต้องแน่ใจว่าผ่านการล้างทำความสะอาดเป็นอย่างดีไม่มีปัญหาปรสิตค่ะ
          ผักสด ผักสดและผลไม้สามารถให้เสริมได้เพื่อให้กระต่ายได้รับสารที่ครบถ้วนค่ะ แต่บ้านเรามีการใช้สารเคมีเยอะ เพราะฉะนั้นหากไม่แน่ใจว่าผักปลอดสารพิษหรือไม่ ก็ไม่ควรให้ปริมาณเยอะนะคะ และต้องแน่ใจว่าผ่านการล้างอย่างสะอาดค่ะ
ทั้งนี้การให้อาหารแก่กระต่ายต้องดูช่วงวัยที่เหมาะสมด้วยนะคะ ว่าวัยไหนสามารถกินอะไรหรือไม่ควรกินอะไรค่ะ
น้ำ กระต่ายไม่ควรขาดน้ำ การให้น้ำจากขวดจะเป็นการดีที่สุด เพราะเราจะสังเกตได้ว่ากระต่ายของเรากินน้ำหรือไม่ โดยสังเกตการลดของปริมาณน้ำ และการให้น้ำจากขวดก็จะสะอาดกว่าการให้น้ำจากถ้วยค่ะ
        การดูแลอื่นๆ
-           หมั่นสังเกต เนื่องจากกระต่ายเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยแสดงอาการเจ็บป่วย ดังนั้นคุณควรหมั่นสังเกตดูอาการกระต่ายของคุณ ว่ากินอาหาร กินน้ำ ขับถ่ายปรกติหรือไม่ หากพบอาการผิดปรกติจะได้รีบแก้ไขได้ทันท่วงที และเมื่อพบว่ากระต่ายเจ็บป่วยให้รีบพากระต่ายไปพบสัตว์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาสัตว์เล็กโดยเฉพาะค่ะ
-           ความสะอาด ควรทำความสะอาดบริเวณที่อยู่ของกระต่ายอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องการการสะสมและเป็นบ่อเกิดของเชื้อโรคต่างๆที่จะทำให้กระต่ายเจ็บป่วยได้
ความเข้าใจและความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับกระต่าย
-           กระต่ายตกใจง่ายมาก  ตามธรรมชาติกระต่ายเป็นสัตว์ที่ถูกล่า ดังนั้นกระต่ายจึงตื่นตัวและตกใจได้ง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตกใจตายเพราะเสียงหมาเห่า หรือฟ้าผ่านะคะ ไม่เช่นนั้นคงสูญพันธุ์ไปหมดแล้วล่ะค่ะ  ^ ^
-           อุ้มด้วยการหิ้วหู  ในใบหูของกระต่ายมีเส้นประสาทจำนวนมากและอ่อนไหวง่าย หากคุณดึงหูกระต่ายจะทำให้กระต่ายเจ็บปวด อาจจะทำให้เป็นอันตรายตาบอด หรือตายได้
-           กระต่ายแคระ ความเชื่อที่ว่ากระต่ายแคระจะมีขนาดเท่าฝ่ามือ ไม่เป็นความจริงแม้ในกระต่ายสายพันธุ์เล็กที่สุดอย่าง Netherland Dwarf เมื่อโตเต็มที่ยังมีขนาดเฉลี่ยประมาณ 1 กิโลกรัมขึ้นไป ดังนั้นหากพบเจอการขายกระต่ายแคระตัวเท่าฝ่ามือ นั่นอาจจะเป็นลูกกระต่ายที่ยังเล็กมากก็ได้ค่ะ
-           เลิกเลี้ยงก็ปล่อยป่าได้  ไม่เป็นความจริงแน่นอนค่ะ กระต่ายบ้านที่เราเลี้ยงๆกัน อาจจะสูญเสียสัญชาติญาณการเอาชีวิตรอดไปบ้าง ดังนั้นหากปล่อยป่าไปคงไม่มีทางมีชีวิตรอดแน่ๆค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.countryrabbitfarm.com/