วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559

รวบรวมคำศัพท์ของกระต่าย

รวบรวมคำศัพท์ของกระต่าย


เพราะก่อนหน้านี้เราเองก็แสนจะงงกับคำศัพท์หลายๆคำในโลกของกระต่าย ที่ไม่คุ้นหู จึงอยากรวบรวมเหล่าคำศัพท์และคำอธิบายในแบบของเราเองมาแบ่งปันกันนะคะ ^ ^ 

เริ่มจากที่เจอบ่อยๆละกันนะ
เกรดเพท (Pet grade , Pet quality) = เพท แปลว่าสัตว์เลี้ยง เกรดเพทหมายถึงกระต่ายที่เหมาะจะเอาไปเลี้ยงน่ารักๆ สวยงามค่ะ
เกรดโชว์ (Show grade, Show quality) = หมายถึงกระต่ายที่มีลักษณะที่ดี ถูกต้องตามมาตรฐานสายพันธุ์ เอาไปโชว์ หรือรวมถึงเอาไปประกวดได้
เกรดบรูด (Brood quality) = บางคนก็เรียก เกรดบรีด แต่ฝรั่งเรียกบรูดนะคะ หมายถึง กระต่ายที่มีลักษณะที่ดี มีโครงสร้างที่เหมาะสมจะนำมาเป็นแม่พันธุ์ค่ะ
Buck = หมายถึง กระต่ายเพศผู้
Doe = กระต่ายเพศเมีย
Junior = หมายถึงกระต่ายเด็กอายุไม่เกิน 6 เดือนค่ะ
Senior = หมายถึงกระต่ายที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปค่ะ
Pedigree ใบเพ็ด = หมายถึงใบประวัติของกระต่าย ดีกรีของกระต่าย จะแสดงให้เห็นถึงประวัติของต้นตระกูลกระต่ายตัวนั้นๆถึง 3 รุ่นเลยค่ะ
พูดถึงใบเพ็ดเอาคำศัพท์จากในใบเพ็ดมาพูดบ้างบางส่วนก็แล้วกันนะคะ
Variety = สีของกระต่าย
Ear = ย่อมาจาก Ear Number ก็ชื่อเบอร์หูนั่นแหละค่ะ
เบอร์หู = คือชื่อประจำตัวกระต่ายตัวนั้นๆค่ะ อาจจะเป็นชื่อย่อ หรือรหัสอะไรก็แล้วแต่เจ้าของจะใช้ค่ะ กระต่ายที่จะเอาลงประกวดในมาตรฐาน ARBA ต้องมีเบอร์หูและสักหูก่อนส่งประกวดค่ะ
สักหู , Tattoo = ความหมายตรงตัวนะคะ สักชื่อไปที่หูค่ะ โดยจะสักเบอร์หูไว้ที่หูข้างซ้ายค่ะ
Reg = ย่อมาจาก Register Number ก็คือรหัสการขึ้นทะเบียนกระต่ายค่ะ
Register, รีจิสกระต่าย = คือการขึ้นทะเบียนรับรองกระต่ายกับทาง ARBA ค่ะ กระต่ายที่จะขึ้นทะเบียนได้ต้องมีลักษณะตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ของ ARBA นะคะ
DOB = ย่อมาจาก Day of Birth ก็คือวันเกิดของกระต่ายนั่นเองค่ะ
Sire =  ก็คือพ่อของกระต่ายค่ะ
Dam = ก็คือแม่ของกระต่ายค่ะ
คำศัพท์ในใบเพ็ด ก็จะมีให้เห็นในการประกวดเช่นกัน งั้นมายกตัวอย่างคำศัพท์ในการประกวดกระต่ายต่อเลยแล้วกันนะคะ
ARBA คืออะไร ARBA ย่อมาจาก  American Rabbit Breeder Association เป็นสมาคมผู้พัฒนาสายพันธุ์กระต่ายของอเมริกา ซึ่งมีประวัติยาวนานมากๆค่ะ
Show A B  = ต่างๆที่เห็นในงานประกวดกระต่ายที่สมาคม Siam Rabbit Club จัดขึ้น ก็หมายถึงการประกวดที่ตัดสินโดยกรรมการคนละท่านกันค่ะ ซึ่งก็จะแล้วแต่การจัดการประกวดนะคะ บางงาน บางที่ก็อาจจะไม่มีการแบ่งเป็น Show A B ก็ได้ค่ะ
Leg = ขา? ไม่ใช่ค่ะ Leg ก็เหมือนกับแต้มการชนะการประกวด คือการที่กระต่ายชนะการประกวดในแต่ละครั้ง ก็จะได้รับ 1 Leg หากชนะในหลายๆการประกวดก็จะได้รับ Leg เยอะขึ้นไปด้วยค่ะ เหมือนเป็นการสะสมผลการชนะการประกวดค่ะ  แต่ไม่ใช่ว่าประกวดชนะแล้วจะได้ Leg ไปเสียทุกรอบนะคะ เพราะยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เพิ่มเติมอีกค่ะ

นึกไม่ค่อยออกแล้วแฮะ ใครมีคำศัพท์คำไหนที่ไม่แน่ใจสงสัยลองถามกันมานะคะ ถ้ารู้จะอธิบายให้ฟังค่ะ ถ้าไม่รู้....จะลองถามจากคนที่น่าจะรู้กว่า และ รู้แบบถูกต้องมาตอบให้นะคะ


[ขอบคุณข้อมูล: http://www.countryrabbitfarm.com/articles/42056043]
[ขอบคุณข้อมูล: http://mcot-web.mcot.net/lively/content.php?id=55643940be047037fc8b462b ]

ทำไงดีน้องกระต่ายขนร่วง!!

เมื่อน้องกระต่ายขนร่วง



     หลายๆคนคงจะเคยเจอปัญหาเรื่องน้องกระต่ายขนร่วงกันมาแล้วนะคะ การที่กระต่ายขนร่วงนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุมากๆค่ะ เราต้องดูว่าที่กระต่ายของเราขนร่วงเพราะสาเหตุใด จะได้ทำการรักษากันได้ถูกนะคะ เราได้ลองรวบรวมสาเหตุหลักๆที่ทำให้กระต่ายขนร่วงมีดังนี้ค่ะ

ผลัดขน  กระต่ายจะผลัดขนประมาณปีละครั้งนะคะ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอาหารและสภาพอากาศด้วยค่ะถ้าอากาศร้อนหรืออาหารไม่มีคุณภาพเพียงพอก็จะทำให้เกิดการผลัดขนได้บ่อยขึ้นค่ะ กระต่ายที่ผลัดขน เมื่อเวลาเราลูบที่ตัวเค้าก็จะมีขนหลุดติดมือเราออกมาเยอะมาก อาการขนร่วงจากการผลัดขน เดี๋ยวก็หายไปเองค่ะ ไม่ต้องกังวลไป วิธีดูแล เราควรช่วยโดยการแปรงขนให้ขนที่ตายแล้วหลุดติดแปรงออกมา เวลาเค้าทำความสะอาดตัวเองจะได้ไม่ต้องเลียและกลืนขนเยอะเกินไป จนไปปั้นเป็นแฮร์บอลอยู่ในท้องนะคะ และการแปรงขนก็ทำให้ขนไม่ปลิวละล่องอยู่ในอากาศด้วยนะคะ เดี๋ยวจะจามกันทั้งบ้าน

เครียด เวลาที่กระต่ายของเราเครียด ไม่ว่าจะเพราะเปลี่ยนที่อยู่ ไม่ได้ผสมพันธ์ หรือสาเหตุอื่นๆ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการขนร่วงได้เช่นกันค่ะ เราก็ต้องดูตามสาเหตุนะคะ ให้เค๊าปรับตัว ให้เค๊าหายเครียด บำรุงด้วยอาหารดีดี เดี๋ยวขนก็กลับมาค่ะ

ท้อง กระต่ายที่ขนหายขนหลุดเป็นหย่อมๆอาจจะเป็นเพราะแม่กระต่ายท้องก็เป็นได้นะคะ เพราะแม่กระต่ายเมื่อรู้ตัวว่าท้องใกล้จะคลอกก็จะมีการเตรียมตัวสร้างรังอันอบอุ่นให้ลูกโดยการ กัดขนในบริเวณที่เค้ากัดถึงค่ะ  ก็จะเห็นว่าขนตามขา ตามหน้าอก จะหายไปจนเห็นผิวหนังชัดเจนเลย อาการนี้เป็นเรื่องปรกติค่ะ เดี๋ยวขนก็ยาวเหมือนเดิมเองค่ะ แล้วพอท้องครั้งหน้า คุณแม่คนเก่งก็ทำการแทะขนใหม่อยู่ดีค่ะ - -
กัดกัน มีแผล เช่นเวลากระต่ายทะเลาะกัน หรือเวลาที่กระต่ายผสมพันธ์กัน ในบางคู่ก็จะกัดกันด้วยค่ะ ขนที่ร่วงจากอาการนี้จะเห็นขนหลุดเป็นกระจุกๆเลย แบบนี้เราก็รักษาแผลให้สะอาดค่ะ เมื่อแผลหายขนก็จะกลับมาเองค่ะ

* ไร ขี้เรื้อน เชื้อรา
ไรที่ขน อาการขนร่วงเป็นหย่อมๆ ที่ขนมีเศษขาวๆเหมือนรังแค และผิวหนังจะมีสีแดง ให้ลองหวีขนเค้าดูนะคะ ถ้าเห็นเหมือนรังแค แต่ดันเดินได้ นั่นอาจจะเป็นตัวไรค่ะ ไรขนจะทำให้กระต่ายของเราหมดสวย สภาพกระเซอะกระเซิง

ไรที่หู ขนตามขอบหูแหว่งๆ มีก้อนเหลืองๆแข็งๆในหู และ ที่สังเกตได้ชัดคือ หูมีสะเก็ดแข็งๆ หนาๆ กระต่ายจะมีอาการคันมาก ถ้าเป็นหนักๆหูจะเริ่มแหว่งไปเรื่อยๆและลามไปส่วนอื่นๆของร่างกายได้ และถ้าหากตัวไรเข้าไปยังหูชั้นในของกระต่าย ก็อาจจะทำให้เกิดโรคคอเอียงได้อีกด้วย ซึ่งทำให้กระต่ายตายได้ค่ะ โรคไรติดต่อกันได้ง่าย จากสิ่งแวดล้อม จากกระต่ายหรือสัตว์เลี้ยงต่างๆ
การรักษา ทำได้โดยการฉีดยา และ หยดยาค่ะ การหยดยาสามารถทำได้เองแต่ในครั้งแรกควรจะปรึกษาหมอก่อนนะคะว่ากระต่ายของเราควรใช้ปริมาณการหยดแค่ไหน โดยจะใช้เป็นการหยดยากำจัดปรสิต หยดได้ทุกๆ เดือนค่ะ หรือ พาไปให้คุณหมอฉีดยาก็ได้ค่ะ โดยจะต้องทำการฉีดยาติดต่อกัน 2 สัปดาห์ต่อครั้ง เพียงไม่กี่ครั้ง อาการก็จะดีขึ้นและหายได้ค่ะ

เชื้อรา ขนร่วง ผิวหนังเป็นขุยๆ  มักจะเป็นบริเวณจมูก ใบหู นิ้วเท้า มักพบร่วมกับการเป็นไร  โรคเชื้อราเป็นโรคที่ติดต่อจากกระต่ายสู่กระต่าย สัตว์เลื้ยงอื่นๆ และติดต่อสู่คนได้ด้วยนะคะ ฉะนั้นต้องรีบรักษาด่วนค่ะ หมออาจจะให้ยากิน หรือยาทาที่เป็นครีมมาทาค่ะ ยาครีมเราสามารถหาซื้อมาทาให้กระต่ายเองได้ค่ะ เช่น ยา Ketoconazole โดยหลังจากทาเราอาจจะจับเขาให้อยู่นิ่งๆซักพักเพื่อให้ยาซึมเข้าสู่ผิวหนัง แล้วค่อยปล่อยค่ะ เพราะถ้าทาแล้วปล่อยเลย เขาจะทำการกรูมมิ่งตัวเองทันที ก็อาจจะเช็ดยาออกหมดเสียก่อนค่ะ



ไร ขี้เรื้อน และ เชื้อรา สามารถกลับมาเป็นได้อีก ดังนั้นผู้เลี้ยงควรดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมให้ดีค่ะ ให้มีความสะอาด อากาศถ่ายเทได้ดี เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำๆค่ะ
           
บทความนี้เป็นเพียงการข้อมูลเบื้องต้นนะคะ ในบางกรณีเราสามารถดูแลเองได้
แต่หากพบว่ากระต่ายมีความผิดปรกติที่เราดูแลเองไม่ได้ หรือแม่แน่ใจในปัญหา ก็ควรพาไปพบแพทย์ดีที่สุดค่ะ
          
[ข้อมูล : จากแหล่งความรู้ที่ต่างๆ และจากประสบการณ์ตรงในการเลี้ยงดูจาก Country Rabbit Farm]
[ขอบคุณรูปจาก : http://www.pets-mania.com] 
[ขอบคุณรูปจาก : https://petlovely.wordpress.com]

[GAMEPHONE][Review] Mandora

รีวิวเกมส์ Mandora





เมื่อเข้าเกมจะมีการสอนเล่นเกมส์



จะมีคะแนน


BOOKSTORE


โหมดแข่งกันกับเพื่อนใน Facebook


เกมส์กราฟิกสวย เล่นง่าย มีรายโหมด มีในสะสมในการ์ตูน

คะแนน : 10/10

[เกมส์นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเจ้าของบล๊อก]
[ขอบคุณเกมส์ : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.rayark.uproot&hl=th]

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2559

อาหารและโภชนะสำหรับกระต่าย

อาหารและโภชนะสำหรับกระต่าย

อาหารและโภชนะสำหรับกระต่าย

อาหารกระต่าย และโภชนะสำหรับกระต่าย ในที่นี้ขอแบ่งออกเป็น 7 หัวข้อดังนี้ 

1. อาหารและการเก็บรักษา
                   อาหารกระต่ายมีมากมายหลายอย่าง ตั้งแต่อาหารสำเร็จรูป อาหารหยาบ ได้แก่ พวกหญ้าต่างๆ ผักผลไม้ อาหารเสริม รวมไปถึงเกลือแร่และวิตามิน อาหารทุกชนิดมีความสำคัญและช่วยสร้างความสมดุลในโภชนะได้ต่างๆกันไป กระต่ายแต่ละช่วงวัยต้องการอาหารที่มีโภชนะแตกต่างกันไป เช่น กระต่ายวัยเด็ก ต้องการอาหารที่มีโปรตีนและแคลเซียมสูง เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต , กระต่ายรุ่น อาจต้องการโปรตีนลดลงมา และไม่ต้องการแคลเซียม, กระต่ายแก่ อาจจ้องการอาหารที่มีพลังงานต่ำ, แม่กระต่ายท้องและให้นมลูก ต้องการโปรตีนและแลเซียมสูง เพื่อใช้ในการเจริญเติบโตพัฒนาการของลูกในท้อง และสร้างน้ำนมเพื่อใช้เลี้ยงลูก เป็นต้น อาหารกระต่ายที่ดีควรเป็นอาหารที่ใหม่ กลิ่นหอม และปราศจากเชื้อรา และในปัจจุบันมีอาหารสำเร็จรูปมากมาย เราสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมสำหรับกระต่ายของเรา
                   ความสำคัญของอาหาร คือ เมื่อได้รับเข้าไปร่างกานสามารถนำไปใช้ในการดำรงชีพ การเจริญเติบโต รวมถึงการสืบพันธุ์ อาหาที่ดีควรมาจากวัตถุดิบที่เหมาะสมกับสัตว์ประเภทนั้นๆ กระต่ายเป็นสัตว์ที่อยู๋ในประเภท Herbivorous Monogastrics คือ กินพืชเป็นอาหาร และมีกระเพาะเดี่ยว ดังนั้นอหารกระต่ายที่เหมาะสมจึงไม่ควรมีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ ลำไส้กระต่ายนั้นยาวมาก สามารถย่อยกาก หรือแม้กระทั่ง Cellulose ได้ดี
                   การเก็บรักษาอาหารมีผลโดยตรงต่อคุณภาพอาหาร เราจึงควรให้ความสำคัญกับการเก็บรักษามากพอๆกับการเลือกซื้อ ควรเก็บอาหารในที่แห้งและเย็น แต่ไม่ถึงขนาดต้องเก็บไว้ในตู้เย็นเพราะจะทำให้อาหารชื้น อาจใส่ไว้ในกล่องพลาสติกมีฝาปิด และใส่สารดูดความชื้นลงไป และตั้งไว้ในที่ๆปราศจากมด และแมลง

2. อาหารสำเร็จรูป
                     คืออาหารที่นำมาอัดเม็ดให้อยู่ในรูปแท่งทรงกระบอก เราสามารถพบได้ทั่วไปตามท้องตลาด ส่วนใหญ่จะอยู๋ในรูปอัดเม็ดเพื่อความสะดวกในการใช้ และการกินของกระต่าย หากเป้นผง ความฟ่ามจะสูงกระต่ายจะไม่ค่อยกิน ลูกกระต่ายสามารถกินอาหารเม็ดได้ตั้งแต่ 3-4 สัปดาห์ โดยกินร่วมกันน้ำนมแม่ ปัจจุบันอาหารสำเร็จรูปมีมากมายหลายชนิด เช่น โปรตีนสูง, ไฟเบอร์สูง, ลดกลิ่นมูล ฯลฯ สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมและวัยของกระต่าย
                    การให้อาหารเม็ดมากเกินไปไม่เป็นผลดีต่อกระต่ายเพราะอาจทำให้กระต่ายอ้วน เนื่องจากได้รับพลังงานเกินความจำเป็น ซึ่งภาวะอ้วนจะส่งผลเสียต่อสุขภาพกระต่ายด้วย อาหารสำเร็จรูปจำรวมโภชนะต่างๆไว้ในเม็ดเดียวกัน คือ โปรตีน ไขมัน และกาก หรือ fiber อาหารบางยี่ห้ออาจมีการเสริมวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นไว้เพื่อให้ได้โภชนะที่เหมาะสม แม้ว่าอาหารเม็ดจะมีลักษณะคล้ายกันทางกายภาพ แต่อาจมีสูตรประกอบอาหารต่างกัน หากต้องการเปลี่ยนอาหารควรเริ่มจากทีละน้อยๆ เริ่มจาก 1 ส่วน 4 และค่อยๆ เพิ่มทีละน่อย จนเปลี่ยนเป็นอาหารใหม่ทั้งหมด และควรเปลี่ยนอาหารทุกครั้งเมื่ออาหารชื้น เพราะเมื่อกระต่ายกินเข้าไปอาจทำให้กระต่ายป่วยได้
                       โภชนะที่เหมาะสมสามารถช่วยให้กระต่ายมีการเจริญเติบโตที่ดี โภชนะในอาหารมีอยู๋ 6 อย่างคือ น้ำ, คาโบไฮเดรต, โปรตีน, ไขมัน แร่ธาตุ และวิตามิน
                       - น้ำ มีความสำคัญต่อระบบต่างๆของร่างกาย ช่วยให้ร่างกายมีความสมดุล
                       - คาโบไฮเดรต เป็นโภชนะที่ให้พลังงานในการดำรงชีพ
                       - โปรตีน เป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อ เซลล์ต่างๆ จำเป็นต่อการเจริญเติบโต
                       - ไขมัน เป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อต่างๆ ช่วยละลายวิตามินบางชนิด และเป้นแหล่งของกรดไขมันจำเป็น
                       - แร่ธาตุ  สำคัญต่อการเจริญเติบโต เป็นองค์ประกอบของกระดูก และฟัน และยังเป็นสารสื่อประสาทอีกด้วย
                       - วิตามิน เป็นโภชนะที่ขาดไม่ได้ และร่างกายจะใช้เพียงเล็กน้อย วิตามินแต่ละชนิดจะมีหน้าที่แตกต่างกันไป หากขาดอาจเกิดโรคบางโรคขึ้น

3. อาหารหยาบ
                      อาหารหยาบคืออาหารที่มี Fiber สูง มีความสำคัญกับกระต่ายมากพอๆกับอาหาร อาหารหยาบจะถูกส่งไปย่อยที่ลำไส้ โดยมีจุลินทรีย์เป็นตัวช่วยย่อย อาหารหยาบช่วยคงความสมดุลของระบบย่อยอาหารของกระต่ายให้อยู่ในภาวะสมดุล หากได้รับ fiber ไม่เพียงพอ อาจเกิดภาวะท้องเสีย หรือท้องอืด และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
                     อาหารหยาบอาจอยู่ในรูปหญ้าสด, หญ้าแห้ง, ต้นถั่วแห้ง, หรือ แบบอัดเม็ด หรืออัดก้อน สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม และความสะดวกในการใช้
                      - หญ้าสด ได้แก่ หญ้าขน, หญ้ารูซี่, หญ้าแพงโกล่า ฯลฯ สามารถปลูกเองภายในบริเวณบ้าน หรือตัดในบริเวณที่มีหญ้าเหล่านี้ขึ้นอยู่ เมื่อตัดเสร็จควรล้างด้วยน้ำสะอาจ และผึ่งสักครู่ให้น้ำแห้งก่อนนำมาให้กระต่าย

                     - หญ้าแห้ง คือการนำหญ้าสดมาทำให้อยู๋ในรูปแบบแห้ง อาจใช้วิธีตากแดดหรือนำเข้าเครื่องอบแห่ง เพื่อลดความชื้นในหญ้า หญ้าแห้งที่นิมยมได้แก่ หญ้าขนแห้ง, หญ้าแพงโกล่าแห้ง, หญ้าธิโมที, หญ้าเฮย์ ฯลฯ การทำหญ้าแห้งเป็นการถนอมพืชอาหารสัตว์ เพื่อให้สะดวกในการเก็บรักา และใช้ในฤดูแล้ง
                     - ต้นถั่วแห้ง ที่รู้จักกันดีที่สุดคืออัลฟาฟ่า โดยนำถั่วทั้งต้น หรือตัดเฉพาะยอดมาตากแห้ง ถั่วมีคุณค่าทางโปรตีนสูงกว่าหญ้า และในบางชนิดมี fiber สูงกว่า แต่ราคาก็จะสูงตามไปด้วย ในบ้านเรามีถั่วอาหารสัตว์อีกหลายชนิด แต่ไม่นิยมเนื่องจากไม่ค่อยมีการปลูกเพื่อจำหน่ายทางการค้า และต้นถั่วสดไม่เหมาะในกระต่ายอายุน้อยๆ เพระลำต้นอวบน้ำ
                      - หญ้าอัดเม็ด และหญ้าอัดก้อน เป็นรูปแบบการเก็บรักษาอาหารหยาบให้สะดวกยิ่งขึ้น โดยทำให้อยู๋ในรูปแบบก้อนหรือเม็ด โดยใช้สารบางชนิดเพื่อลดความฟ่ามในการอัดเม็ด หญ้าอัดก้อนช่วยลับฟันกระต่ายได้

4. ผักและผลไม้
                       กระต่ายสามารถกินผักและผลไม้ได้มากมายหลายชนิด เช่น แครอท, กระหล่ำ ฯลฯ แต่ควรมั่นใจได้ว่าผักนั้นปลอดสารพิษ เพราะกระต่ายไวต่อพิษมาก พิษจากยาฆ่าแมลงสามารถทำให้กระต่ายอายุน้อยท้องเสีย และเสียชีวิตในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ในกระต่ายโตอาจพบอาการท้องเสียอย่างเดียว ในกรณีพิษไม่รุนแรง
                        กระต่านอายุน้อยที่ไม่ทราบว่าเคยกินผักมาก่อนหรือไม่ ไม่ควรให้ผักสดทันที ควรรอให้อายุมากพอที่จะสามารถรับสิ่งแปลกใหม่ได้ หรืออาจถามจาผู้ขายหรือผู้เลี้ยงคนก่อนว่า กระยเคยกินอะไรมาบ้าง ผลไม้สด เป้นอาหารที่กระต่ายชอบ เพราะมีรสชาติดี หวาน หอม แต่การให้มากไปย่อมเป็นผลเสียต่อกระต่าย อาจให้มะละกอสด หรือสัปประรดสด ชิ้นเล็กๆ 2-3 ชิ้น / สัปดาห์ เพื่อป้องกันโรคก้อนขน

5. แร่ธาตุและวิตามิน
                      แร่ธาตุบางชนิดมีผลต่อการเจริญเติบโของกระต่ายโดยตรง เช่น แคลเซียม และฟอสฟอรัส โดยแร่ธาตุเป็นสารประกอบอนินทรีย์ และในร่างกายเราจะมีแร่ธาตุประกอบอยู๋ประมาณ 30-40 ชนิด ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะ แร่ธาตุ แคลเซียมและฟอสฟอรัส
                      - แคลเซียม เป็นองค์ประกอบของกระดูกและฟัน และยังช่วยให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างเป็นปกติ ช่วยในการสร้างน้ำนม โดยเฉพาะแม่กระต่ายให้นมลูก แคลเซียมสำคัญมาก หากขาดแคลเซียมอาจทำให้กระต่ายมีอาการกระดูกเปราะ กระดูกอ่อน ขาแปร และหากเกิดในแม่กระต่าย อาจทำให้เป็นโรคไข้น้ำนม ซึ่งอันตรายต่อชีวิต
                      - ฟอสฟอรัส ในความเป็นจริงแคลเซียสและฟอสฟอรัสจะทำงานร่วมกันอย่างมีสมดุล หน้าที่หลักคือเป็นส่วนประกอบของกระดูกและฟัน ธาตุฟอสฟอรัสมีผลโดยตรงต่ออัตราการผสมติด หากขาดฟอสฟอรัส อาจแสดงอาการดังน้คือ ชอบกัดไม้ กระดูก หิน ฯลฯ
                     วิตามิน เป็นโภชนะที่ขาดไม่ได้ และร่างกายจะใช้เพียงเล็กน้อย วิตามินแต่ละชนิดจะมีหน้าที่แตกต่างกันไป หากขาดอาจเกิดโรคบางโรคขึ้น วิตามินแบ่งเป็น 2 ประเภท คือละลายในน้ำ และละลายในไขมัน วิตามินที่ละลายในไขมัน คือ วิตามิน เอ, วิตามินดี, วิตามินอี และวิตามินเค วิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่วิตามินบี และวิตามินซี  หากกระต่ายขาดวิตามินเป็นเวลานานๆอาจทำให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติได้                      

6. ขนมและอาหารเสริม
                     แม้ว่าขนมและอาหารเสริมไม่จำเป็นต้องให้กระต่ายกิน แต่การใอหารเสริมเป็ฯการกระชับสัมพันระหว่างเรากับกระต่ายได้เป็นอย่างดี และเป็นการลดการเบื่ออาหาร ช่วยให้กระต่ายมีความสุขในการดำรงชีวิตมากขึ้น การให้ขนมนั้นไม่ควรให้ในปริมาณมาก เพราะขนมบางชนิดมีปริมาณแป้งและน้ำตาลมาก อาจทำให้กระต่ายอ้วน อาจเสริมอาหารเสริมประเภทธัญพืชให้กระต่ายบ้างในบางกรณี เช่น ข้าวโอ๊ต ซึ่งมีกลิ่นหอม และกระต่ายชอบ ซึ่งก็ควรให้ในปริมาณจำกัดเช่นกัน เพราะธัญพืชส่วนประกอบหลังคือคาโบไฮเดรตย่อยยาก และอาจก่อให้เกิดภาวะท้องอืดได้


7. น้ำ
                        น้ำมีความสำคัญต่อกระต่ายมาก เหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ขาดน้ำไม่ได้ สัตว์ควรได้รับน้ำ 3-8 เท่า ของวัตถุแห้งที่ได้รับเข้าไป แม้ว่าน้ำจะไม่มีคุณค่าทางอาหาร แต่น้ำช่วยเสริมสร้างส่วนประกอบต่างๆ และสร้างความสมดุลของระบบต่างๆในร่างกาย ขาดอาหารอยู่ได้ แต่ขาดน้ำอยู๋ไม่ได้ ความสำคัญของน้ำมีดังนี้ คือ
                        - เป็นสื่อกลางทำให้เกิดปฏิกริยาเคมีต่างๆ ภายในร่างกาย เช่นการย่อยอาหาร ดูดซึมอาหาร ฯลฯ
                        - น้ำเป็นส่วนประกอบของเลือดและน้ำเหลือง
                        - ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่
                        - เป็นส่วนประกอบของของเหลวงตามข้อต่อต่างๆของร่างกาย
                        - ช่วยทำให้อวัยวะต่างๆของร่างกายคงรูปอยู๋ได้
                        จะเห็นได้ว่าน้ำมีความสำคัญมากต่อการดำรงชีวิต น้ำสำหรับกระต่าย ควรสะอาด และไม่ควรเป็นน้ำที่มีตะกอน หรือเป็นน้ำหวานต่างๆ เพราะน้ำหวานอาจทำให้กระต่ายอ้วน และน้ำตาลจะทำให้ระบบย่อยอาหารของกระต่ายเกิดภาวะผิดปกติได้
             
แหล่งอ้างอิง
พันทิพา พงษ์เพียรจันทร์.2539, หลักการให้อาหารสัตว์เล่ม 2, สำนักพิมพ์โอเดียนสโตน. กรุงเทพ
สุวรรณ อ่อนวิมล.พมพ์ครั้งที่ 3, การเลี้ยงกระต่าย, โครงการหนังสือเกษตรชุมชน.กรุงเทพ
กณิกนันท์ ลีฬฆวรรณ, คู่มือกระต่าย, สำนักพิมพ์ฐานเกษตรกรรม.กรุงเทพ
http://www.mybunny.org/info/rabbit_nutrition.htm
http://www.kasetkorat.ac.th/chai/feeds-and-feeding/

เรื่องของหญ้ากับกระต่ายน้อย

เรื่องของหญ้ากับกระต่ายน้อย

อาจเคยได้ยินคำถามที่ว่า ทำไมกระต่ายต้องกินหญ้า กินหญ้าเพื่ออะไร แล้วหญ้าอะไรที่กินได้บ้าง
อาจเคยได้ยินคำถามที่ว่า ทำไมกระต่ายต้องกินหญ้า กินหญ้าเพื่ออะไร แล้วหญ้าอะไรที่กินได้บ้าง
คำถามแรก ทำไมกระต่ายต้องกินหญ้า เพราะหญ้าเป็นไฟเบอร์สายยาวซึ่งเหมาะกับระบบย่อยอาหารของกระต่าย
ลองมาดูระบบย่อยอาหารของกระต่ายกันค่ะ แล้วจะต้องร้องอ้อออ
กระต่ายจะกินอาหารเข้าทางปาก และลงสู่กระเพาะอาหาร ผ่านลำไส้เล็ก( Small Intestine) ลำไส้ใหญ่(Colon) ช่องทวารหนัก(Rectum) และออกมาจากทวาร (Anus) และส่วนสีชมพู ที่เห็นคือส่วนของ ซีกัมซึ่งในกระต่ายจะมีขนาดใหญ่มาก เมื่อเทียบกับสัตว์กินเนื้ออย่างแมว หรือสุนัข ซึ่งแทบจะไม่มีหรือเป็นเพียงติ่งเล็กๆ ส่วนของซีกัมนี้จะมีแบคทีเรียมีชีวิต ที่มีปีโยชน์จะช่วยย่อยอาหารจำพวก ไฟเบอร์ เซลลูโลส ได้ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมกระต่ายจะต้องกินหญ้า หรืออาหารที่มีไฟเบอร์สูงๆค่ะ

หญ้าอะไรที่กระต่ายน้อยของเรากินได้บ้าง ขอพูดเฉพาะหญ้าที่สามารถปลูกได้ในเมืองไทยนะคะ
1. หญ้าขน
         หาได้ง่ายเป็นพุ่มหรือกอตามข้างทาง ลักษณะเป้นเถาเลื้อย ชอบขึ้นตามริมน้ำ ลำต้นอวบน้ำ มีขนเล็กๆอยู่ทั่วทั้งลำต้นและใบ ปลูกโดยใช้ท่อนพันธุ์ กินได้ทั้งหญ้าสดและหญ้าแห้ง ข้อควรระวัง ไม่ควรให้หญ้าขนตัดใหม่ๆหลังฝนตก เพระอวบน้ำมาก อาจทำให้กระต่ายท้องเสีย

2. หญ้าแพงโกล่า
       ลักษณะเป้นเส้นเล็กกว่าหญ้าขน ไม่มีขน  กินได้ทั้งสดและแห้ง แต่ส่วนใหญ่จะเห็นในรูปแบบแห้ง กลิ่นหอม ปลูกโดยใช้ท่อนพันธุ์

3. หญ้ารูซี่
     ลักษณะคล้ายๆหญ้าขน แต่มีใบมากและอ่อนนุ่มกว่า สามารถปลูกให้กระต่ายกินได้โดยใช้เมล็ดพันธุ์ ปลูกในกระถางหรือลงดินแล้วแต่ความเหมาะสม
นอกจากนี้ยังมีหญ้าอื่นๆที่กระต่ายสามารถกินได้ แต่ไม่ได้ปลูกในประเทศไทย เช่น หญ้าธิโทธีหญ้าเฮย์หญ้าเมอมิวด้า

พืชตระกูลถั่ว
       พืชตระกูลถั่วหลายชนิดถูกนำมาให้กระต่ายกิน เสริมอาหาร ข้อดีของพืชตระกูลถั่ว คือหอม โปรตีนสูง เป็นที่ชื่นชอบของกระต่าย แต่บางชนิดก็ไม่สามารถให้ในปริมาณมากได้ หรือบางชนิดอาจให้ได้เฉพาะช่วงวัย เนื่องจากมีแร่ธาตุบางชนิดอยู่มาก
       อัลฟาฟ่า เป็นพืชตระกูลถั่ว กระต่ายชอบ เนื่องจากกลิ่นหอม แต่มีปริมาณแคลเซียมสูง เหมาะสำหรับกระต่ายอายุน้อย(ไม่เกิน เดือน ) และในแม่กระต่ายให้นมลูก นอกจากนี้ยังมีถั่วชนิดอื่นๆ แต่ไม่ขอพูดเนื่องจากไม่เป็นที่นิยมค่ะ

เครดิท : Nu Lop (Member of countryrabbit)

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559

[GAMEPHONE][Review] Mmm Fingers


รีวิวเกมส์ Mmm Fingers 

สามารถดาวโหลดฟรี


เริ่มเล่น


โดยวิธีเล่นคือ ห้ามเอานิ้วออกจากหน้าจอเวลาเล่น
และหลบสิ่งกีดขวางไปเลย





เมื่อตายก็จะเห็นคะแนน ความสนุกมันอยู่ที่เอา high score ไปแข่งแต้มกับเพื่อน 
เกมส์อาจจะมีกะตุกอยู่บ้าง มีลูกเล่นไม่เยอะ

คะแนน : 8.5 /10

[เกมส์นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเจ้าของบล๊อก]
[ขอบคุณเกมส์ : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.noodlecake.mmmfingers&hl=th]



น้องกระต่ายอึเหลวทำไง


น้องกระต่าย อึเหลวทำไง!?


กระต่ายท้องเสียนั้นจงจะหาหมอค่ะ ไม่แนะนำให้รักษาเอง ยกเว้นจะเป็นผู้ชำนาญอย่างสมาชิกบางคนในบ้านช่องโพรงกระต่ายหน่ะค่ะ  กระต่ายโตส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยท้องเสียจ๋า กระต่ายเด็กจะท้องเสียง่ายกว่ากระต่ายโตคะ

กระต่ายท้องเสียจำนวนมากจะจบชีวิตจากการขาดน้ำค่ะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก ในช่วงที่เราพยาบาลกระต่ายท้องเสียหรือรอเวลาไปหาหมอนั้นควรจะให้กระต่ายได้รับประทานน้ำค่ะ  ถ้ากระต่ายท้องเสียและหูเย็น บอกว่าเริ่มขาดน้ำมากแล้วค่ะ จำต้องให้น้ำจ้ะ

การทำให้กระต่ายไม่ขาดน้ำนั้นมีหลายวิธีขา

อันดับแรกก็คือการให้น้ำเกลือใต้ผิวหนัง อันนี้หมอคงให้ถ้ามีการขาดน้ำมาก อย่างไรตอนนำไปพบนายแพทย์ก็ลองขอความเห็นแพทย์ดูนะจ๋า ว่าเค้าขาดน้ำมากหรือเปล่า  

อันดับที่สองก็คือ การให้น้ำเกลือแร่ ที่ดีที่สุดก็คือการให้น้ำเกลือแร่ที่ทำสำหรับกระต่าย เช่น Bio-Lapis ของ Protexin ซึ่งคงต้องขอให้คุณแพทย์จ่ายให้ค่ะ แต่ถ้าไม่มี Bio-Lapis ก็สามารถให้น้ำเกลือแร่คนได้คะ รสธรรมดาดีที่สุด อย่างไรก็ตามถ้าไม่มีก็รสไหนก็ได้คะ  เคยถามแพทย์ แพทย์บอกว่าผสมธรรมดาเหมือนที่ให้คนค่ะ ให้น้ำเกลือของเด็กจะดีกว่าแต่ถ้าไม่มีของผู้ใหญ่ก็ให้ได้ค่ะ ให้ทุกๆ ชั่วโมงคะ ให้ทีละหลายๆ มิลลิลิตรได้ค่ะ แต่ถ้าในกรณีที่ไม่มี หรือไม่อยากใช้น้ำเกลือแร่ก็ใช้สูตรนี้ก็ได้จ้ะ

   น้ำเปล่าสะอาด 1 แก้ว
   น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
   ผงฟู 1/4; ช้อนชา
   เกลือ 3/16 ช้อนชา (เอาช้อน 1/4; ตักแล้วเอาออกไปนิดหน่อย หรือใช้ช้อน 1/8 แล้วตักพูนๆ)

สูตรนี้ผู้เพาะกระต่ายในต่างประเทศได้ลองใช้และพบว่าใช้ได้ผลดีคะ อันนี้ความคิดส่วนตัวคิดว่าน่าจะดีกว่าสูตรน้ำแดงเฮลส์บลูบอยนะคะ  

มีแพทย์คนเคยบอกว่าใช้เกลือกับน้ำตาลละลายน้ำก็ได้ค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าหาผงฟูไม่ได้ก็ใช้แต่เกลือกับน้ำตาลก็พอจะได้เหมือนคะ การใส่ผงฟูจะไปช่วยลดการเป็นกรดในระบบย่อยอาหาร เนื่องจากกระต่ายที่ท้องเสียจะมีกรดเยอะค่ะ 

นอกจากการให้น้ำแล้ว ยังจะต้องให้อาหารด้วยขา งดผัก หมอบางคนอาจจะให้รับประทานผักต่อ แต่เราไม่แนะนำค่ะ กระต่ายท้องเสียไม่มีแรง และจะไม่อยากทานอะไรค่ะ และผักก็ยังอาจจะทำให้กระต่ายท้องเสียมากขึ้นได้คะ  หากว่าเป็นไปได้อยากให้ป้อน Critical Care ของ Oxbow ค่ะ

Critical Care ของ Oxbow นี้เป็นอาหารสำหรับสัตว์ฟันแทะที่ป่วย กินไม่ได้ หรือพักฟื้นค่ะ เหมาะกระต่ายเป็นไข้โดยตรงทำจากหญ้าทิมโมธี และอื่นๆค่ะ ไม่ใช่ผงผักบดนะคะ แต่ถ้าหา Critical Care ไม่ได้จริงๆ ให้เป็นอาหารเม็ดผสมน้ำก็ได้ค่ะ อาหารเด็กอ่อนที่เป็นขวดๆ ยี่ห้อเกอร์เบอร์หรือยี่ห้ออื่นก็ให้ได้ค่ะ เคยอ่านในเว็ปมีคนบอกช่องทางให้ใช้รสกล้วย เนื่องจากในกล้วยมีโปแทสเซี่ยมค่ะ  

ถ้าหากไม่มี Critical Care อาหารกระต่ายป่วยสูตรนี้ก็น่าสนใจค่ะ ได้มาจากคุณ Laurie Stroupe ค่ะ

  อาหารเม็ด 3 ช้อนโต๊ะ
  น้ำเกลือแร่สำหรับเด็ก ครึ่งถ้วย
  ยาแก้ท้องอืดที่มีตัวยา Simethicone 2-3 หยด
  อาหารเด็กอ่อน ครึ่งขวด

ยาแก้ท้องอืดที่มีตัวยา Simethicone เท่าที่รู้มียี่ห้อ แอร์-เอ็กซ์ (Air-X), โอวอลดรอปส์ (Ovol drops), ดิสฟลาติล (Disflatyl), ไมลอมดรอปส์ (Mylom drops) แต่อาจจะมีมากกว่านี้ ถามหมอยาใกล้บ้านคุณๆได้ค่ะ




ในช่วงที่เค้าท้องเสียเค้าอาจจะเคร่งเครียดจากอาการท้องเสียมาก จนกระทั่งระบบย่อยอาหารหยุดทำงานและจะทำให้เค้าท้องอืดได้ ถึงแม้ว่าจะหายท้องเสียแล้วก็ตามค่ะ เมื่อกระต่ายท้องอืดจะปวดท้องค่ะ การที่เราให้ยาแก้ท้องอืดเป็นการป้องกันค่ะ 

วิธีการให้อาหารโภชนาป้อนน้ำกระต่ายท้องเสีย หรือกระต่ายไม่สบาย ไม่ควรเอาใส่ขวดหรือใส่ถ้วยแล้ววางไว้ให้กระต่ายรับประทานเองนะคะ
อันนี้เป็นเรื่องความเป็นความตายเลยนะคะ เอาอาหารหรือน้ำใส่ไซริงค์แล้วป้อนค่ะ ไม่ใช่เอาไซริงค์ไปแหย่ๆ ปาก แล้วบอกว่าน้องไม่กิน น้องไม่ชอบ อันนี้ไม่ได้นะคะ ต้องอุ้ม ป้อน ไม่กินก็บังคับค่ะ เพื่อชีวิตเค้าค่ะ

ไม่ต้องกลัวกระต่ายโกรธเกลียดเลยนะคะ ปล่อยให้โกรธไปก่อน เดี๋ยวไปโอ๋กันทีหลังค่ะ ถ้าเค้าไม่ให้อุ้มก็เอาผ้ามาห่อค่ะ อย่าให้ดิ้นค่ะ บังคับให้ได้นะคะ  

เพราะว่าเรื่องของการทำความสะอาดกระต่าย อย่าเพิ่งอาบน้ำโดยเด็ดขาดค่ะ ให้เอาผ้าชุบน้ำเช็ด หรือล้างเป็นส่วนๆ ไป เช่น ล้างเฉพาะขา เป็นต้น ถ้าจำเป็นต้องตัดขนก็ตัดค่ะ เรื่องสวยเอาไว้ก่อนค่ะ ช่วงท้องเสียร่างกายเค้าอ่อนแอค่ะ ถ้าอาบน้ำจะมีโอกาสทำให้มีโรคแทรกได้ค่ะ

[เครดิต : http://xn--12cl7bj4cdfmq0hxapob7nqfk.blogspot.com/2014/04/blog-post.html]
[เครดิตรูป : http://student.nu.ac.th/cutiepet/2179-1.jpg]